วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร - เฮลซิงกิ - เรคยาวิค |
20.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน G (แถว G10-15) ประตูทางเข้าที่ 4 อาคารผู้โดยสาร เคาน์เตอร์ สายการบินฟินน์ แอร์ (AY) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
23.05 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยเที่ยวบิน AY144 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.25 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่ เฮลซิงกิ |
วันที่ 2 | เรคยาวิก - บอร์กาเนส - ฮูซาเฟล - ภูเขาเคิร์กจูเฟล - สติกกิชโฮมอร์ |
05.20 น. | เดินทางถึง สนามบินเฮลซิงกิ แวะเปลี่ยนเที่ยวบินสู่ กรุงเรคยาวิค |
07.45 น. | ออกเดินสู่ สนามบินเคฟลาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ โดยเที่ยวบิน AY991 |
09.35 น. | เดินทางถึงสนามบินเคฟลาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ นำท่านเดินทางสู่ เมืองบอร์กาเนส (Borgarnes) (ระยะทาง 74 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ นำท่านแวะ ชมน้ำพุร้อนเดลดาทุงกูเวล (Deildartunguhver Hot Spring) บ่อน้ำพุร้อนใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ อุณหภูมิน้ำสูงสุด 97 องศาเซลเซียส และเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีน้ำไหลเร็วที่สุดในยุโรป เร็วถึง 180 ลิตร/วินาที |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม น้ำตกเฮินฟอซซ่า (Hraunfossar Waterfall) ซึ่งในภาษาไอซ์แลนดิก Hraun แปลว่า ลาวา เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากลำธารความยาวกว่า 900 เมตรซึ่งพาดอยู่บนทุ่งลาวาที่ประทุขึ้นมาจากภูเขาไฟใต้พิภพซึ่งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งแลงโจกุลกลาเซียร์ (Langjokull Glacier) และในฤดูที่หนาวจัด น้ำตกแห่งนี้จะแข็งเป็นน้ำแข็ง มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองกรุนดาร์ฟจอร์ดูร์ เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สามารถดึงดูด นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั้งในไอซ์แลนด์และต่างประเทศ โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะมีโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับความงามของธรรมชาติ อันแสนเงียบสงบ ลัดเลาะไปตามชายฝั่งตะวันตกของอ่าวแคบๆในเขตเมืองกรุนดาร์ฟจอร์ดูร์ ไม่พลาดไปชมความงดงามของ ภูเขาเคิร์กจูเฟล (Kirkjufell) ภูเขาที่มีความสูงประมาณ 463 เมตร เป็นภูเขาที่มีทรงสวยงามและได้รับความนิยมมากในหมู่นักไต่เขา ใกล้ๆภูเขายังมีน้ำตกขนาดเล็กๆที่สวยงามมากแห่งหนึ่งอีกด้วย อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Foss Hotel Stykkisholmur หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | บลอนดูออส - อาร์คูเรย์รี่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองบลอนดูออส (ระยะทาง 210 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ ที่ยังความน่ารักและเงียบสงบ พร้อมธรรมชาติอันแสนพิสุทธิ์ นำท่านเที่ยวชม หมู่บ้านเล็กๆ และเก็บภาพความสวยงามของเมืองติดมหาสมุทรอีกแห่งของไอซ์แลนด์ นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไอซ์แลนดิกแซลมอน (Icelandic Salmon Museum) พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่รวบรวมวิถีการดำเนินชีวิตของชาวประมงในการจับปลาแซลมอนในสมัยก่อน จากนั้นมีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นเที่ยวชมความน่ารักของเมืองเล็กๆที่อากาศบริสุทธิ์อีกแห่งของไอซ์แลนด์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองอาคูเรย์รี่ (Akureyri) (ระยะทาง 140 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองใหญ่อันดับสองของไอซ์แลนด์ และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์อีกด้วย บ้านเรือนถูกปลูกสร้างจากไม้ทาสีสันสดใสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ บ้างก็ปลูกบนเนินลาดชันซึ่งมีภูมิศาสตร์อยู่ติดภูเขาแต่จัดตั้งเป็นระเบียบอย่างลงตัว ตลอดเส้นทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของไอซ์แลนด์ ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีต้นไม้สูง มีผืนหญ้าและต้นมอสหลากสีสุดสายตา สวยงามมาก เมืองอาคูเรย์รี่มีแม่น้ำโครสซาเนสบอร์เกียร์ (Krossanesborgir) เป็นแม่น้ำสายสำคัญของเมืองไหลผ่าน นำท่านชมบ้านเรือนที่จัดแผนผังเมืองเมืองอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม นำท่านชม โบสถ์อาคูเรย์รี่ เป็นสัญญลักษณ์ของเมือง เป็นโบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรัน ออกแบบโดยสถานปนิก Gudjon Samuelsson สร้างปี 1940 หน้าต่างกระจกสีกลางเหนือแท่นบูชาสวยงามมาก ภาพแกะสลักนูนบนระเบียงโดยประติมากรแสดงการบัพติศมา จากนั้นนำท่านสู่ ถนนคนเดิน เกเรอโตรกาตา (Gerartogata) อิสระให้ท่านช้อปปิ้งบน ถนนสายช้อปปิ้งของเมืองอาคูเรย์รี่ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Iceland Air Hotel Akureyri หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | น้ำตกโกดาฟอสส์ - มายด์วัทท์ - บ่อโคลนเดือด - ดิมมูโบร์กีร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางเข้าชม น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss Waterfall) (ระยะทาง 54 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) หรือที่รู้จักในนาม น้ำตกของพระเจ้า “The Waterfalls of Gods” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ โดยน้ำตกมีความสูงประมาณ 12 เมตร และมีความกว้างมากกว่า 30 เมตร น้ำตกถูกค้นพบโดยนักบุญชาวคริสต์ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟคลาฟฟา (Krafla Volcano) นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาปมายด์วัทท์ (Myvatn Lake) (ระยะทาง 84 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) ทะเลสาบสีฟ้ากินพื้นที่ราว 37 ตารางกิโลเมตร นับเป็นทะเลสาบที่ใหญ่อันดับที่ 4 ของไอซ์แลนด์ เป็นแอ่งเกิดจากรอยแยกคราฟล่าฟอล์ทที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟรอบๆในอดีตกาล อยู่ในหมู่บ้านเรย์คยาห์โล และยังเป็นแหล่งอุทยานนกน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จนรัฐบาลประกาศให้เป็นเขตสงวนอนุรักษ์นกเลยทีเดียว |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม นามาฟแจล (Namafjall) หรือบ่อโคลนเดือด คือ โคลน (แอ่งตะกอนที่อิ่มตัวไปด้วยน้ำ) ซึ่งมีไอน้ำร้อนจัดอยู่เบื้องล่าง เมื่อไอน้ำนั้นเคลื่อนที่จะทำให้โคลนที่อยู่ด้านบนพุ่งกระจายขึ้นมาคล้ายการระเบิดย่อยๆ ในบริเวณภูเขาไฟ ปกติบ่อโคลนเดือดมักมีกำมะถันอยู่มาก อิสระให้ท่านได้เก็บภาพปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ได้เวลานำท่านเข้าชม ดิมมูโบร์กีร์ (Dimmu Borgir) หรือที่แปลว่า ปราสาทดำ พื้นที่ซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ในอดีตกาลราว 2,000 ปีก่อน ธารลาวาที่ไหลปกคลุมพื้นที่เมื่อโดนอากาศและน้ำที่เย็นจัด จึงทำให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นดินภูเขาไฟ และหินภูเขาไฟรูปทรงประหลาดต่างๆ ชาวพื้นเมืองเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนใต้พิภพ ซึ่งเมื่อซาตานถูกขับไล่จากสวรรค์ลงสู่ดินแดนใต้พิภพและผ่านดิมมูโบร์กีร์ ทำให้พื้นที่แห่งนี้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม |
ที่พัก | Iceland Air Hotel Herad หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | วนอุทยานแห่งชาติสกาฟทาเฟล - ล่องเรือธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล - วิคค์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ วนอุทยานแห่งชาติสกาฟทาเฟล (Skaftafell National Park) (ระยะทาง 317 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง หนึ่งในผลงานของธรรมชาติที่บรรจงสร้างสรรค์ดินแดนแห่งนี้ให้สวยงามหาที่ใดเหมือน อันรวมไว้ซึ่งธรรมชาติอันแปลกตาหลายสิ่งอยู่ที่เดียวกัน เช่น ภูเขาไฟสูงเสียดฟ้าที่มีหิมะปกคลุมทั้งปี ธารน้ำใสซึ่งไหลรินจากภูเขาสูง รอบๆเป็นป่าแคระอันอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นเบิร์ชแคระ และทุ่งดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์บานสะพรั่งในฤดูดอกไม้ผลิของแต่ละปี ชมมวลลาวาขนาดใหญ่เป็นแนวกว้างที่เกิดการเย็นลงอย่างช้าๆทำให้เกิดแนวแตกเป็นเสาเหลี่ยม ถือได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง จนเข้าสู่เขตอุทยานฯที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ตั้งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า VATNAJOKULL มีขนาด 8,300 ตร.กม. เท่ากับธารน้ำแข็งทั้งหมดในทวีปยุโรปรวมกัน และขนาดความหนามากที่สุดหนาประมาณ 1,000 เมตร นำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ทะเลสาบธารน้ำแข็ง ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งมากขึ้นๆ ในทุกๆ ปี ปัจจุบันมีพื้นที่กว้างถึง 18 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกของน้ำในทะเลสาบถึง 200 เมตร
|
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | อิสระให้ท่านแวะถ่ายรูปกับธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ตื่นตาตื่นใจกับไอซ์เบิร์ก หรือ ภูเขาน้ำแข็งก้อนโตๆ เรียงรายโผล่พ้นพื้นน้ำของทะเลสาบ ยามกระทบแสงแดดก่อให้เกิดสีสันสวยงาม น่าประทับใจยิ่ง นับได้ว่าเป็นภาพธรรมชาติที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก พร้อมนำท่านชมและถ่ายรูปภูเขาน้ำแข็งในระยะใกล้ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านวิก (Vik) (ระยะทาง 170 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) หมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้สุดของไอซ์แลนด์ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ในโรงแรม |
ที่พัก | Dyrholaey Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | วิคค์ - หาดทรายดำ - สโกการ์ - น้ำตกเซลล์จาลันฟอสส์ - โกลเดนเซอร์เคิล - ซิงเควลลีร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านแวะชม หาดทรายสีดำ (Black Beach) ซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ นับเป็นหนึ่งในชายหาดที่แปลกตาและมีความสวยงามที่หนึ่งบนโลก จากนั้นนำท่านออกเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางด้านใต้ (South Shore) ของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของการค้นพบพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นพลังงานที่ถูกนำมาใช้ทดแทนเชื้อเพลิงทำให้ประเทศแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองที่ไร้มลพิษ นอกจากนี้พลังงานดังกล่าวยังถูกนำมาใช้ในด้านสาธารณูปโภคอีกด้วย ทัศนียภาพสองข้างแต่งแต้มไปด้วยฟาร์มปศุสัตว์ของชาวนาและฉากหลังเป็นภูเขาไฟเฮกลา (Hekla) ที่มีความสูงถึง 1,491 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและมีชื่อเสียงที่สุดในไอซ์แลนด์ ผ่านการระเบิดมาแล้วถึง 18 ครั้งและครั้งล่าสุดในปี 2000 นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์สโกการ์ (Skogar Folk Museum) พิพิธภัณฑ์โบราณกลางแจ้ง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 สถานที่ซึ่งรวบรวมคอลเลคชั่นโบราณแสดงความเป็นมาและชีวิตความเป็นอยู่ในอดีตของชาวนอร์ดิค จากนั้นนำท่านแวะชม น้ำตกสโกก้าฟอสส์ (Skogarfoss Waterfalls) ความสูง 62 เมตร ประทับใจกับความสวยงามของน้ำตกที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแผ่กระจายมาจากหน้าผาสูง แรงกระแทกของปลายสายน้ำเกิดเป็นละอองฟุ้งไปทั่วบริเวณ ทำให้หญ้าตระกูลมอสและเฟิร์นเติบโตปกคลุมหินที่เรียงรายริมลำธารเบื้องล่างอย่างสวยงาม โอบล้อมไปด้วยทุ่งลาวา,โตรกผาและหุบเหวเป็นทัศนียภาพที่สวยงามและน่าประทับใจกับผู้ที่มาเยือนไอซ์แลนด์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม น้ำตกอีกแห่งที่สวยงามไม่แพ้กัน น้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalansfoss Waterfalls) มีความสูง 60 เมตร อีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์ ซึ่งบริเวณด้านหลังม่านน้ำตกสามารถเดินเข้าไปสัมผัสได้ด้วย นำท่านเที่ยวชมความมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติของประทศไอซ์แลนด์ ในเส้นทาง วงกลมทองคำ หรือ (Golden Circle) สัมผัสทัศนียภาพของทุ่งหญ้าสลับกับทุ่งลาวา ฝูงสัตว์นานาชนิดทั้ง แกะ วัว ม้า ที่เลี้ยงและหากินตามธรรมชาติ นำท่านเข้าชมความงามของธรรมชาติที่สรรสร้างขึ้นภายใน อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบ Þingvallavatn ซึ่งเป็นทะเลสาบตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ใกล้กับคาบสมุทรเรกยาเนส (Reykjanes) และภูเขาไฟเฮนกิลล์ Hengill เป็นจุดกำเนิดทางประวัติศาสตร์และทางธรณีวิทยา เพราะเป็นจุดที่มีรอยเลื่อนของโลกเป็นระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตร ระหว่างทางแวะชม ร่องรอยปล่องภูเขาไฟ ที่ดับแล้วมีน้ำท่วมขังจนเป็นทะเลสาบกว้าง นำท่านเดินทางสู่ กูลฟอสส์ (Gullfoss) เพื่อชมความงามของ น้ำตกกูลฟอสส์ หรือ ไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็น 1 ใน 3 สถานที่ในเส้นทาง “วงแหวนทองคำ” สถานที่ที่ผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ไม่ควรพลาด ชื่อน้ำตก Gullfoss นี้มาจากคำว่า Gull ที่แปลว่าทองคำและ Foss ที่แปลว่าน้ำตก เมื่อรวมกันหมายถึงน้ำตกทองคำ เป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลกที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งและลดระดับลงในโตรกเขาเบื้องล่างในระดับความสูงกว่า 30 เมตร นำท่านชม น้ำพุร้อนธรรมชาติ (Geysir) น้ำพุร้อนหรือเกย์ซีร์ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า กีเซอร์ ที่ใช้กันทั่วโลก น้ำพุร้อนที่นี่พวยพุ่งขึ้นสูงกว่า 180 ฟุต ทุกๆ 7 – 10 นาที พลังงานที่อยู่ใต้หินเปลือกโลก ขับเคลื่อนออกมาเป็นน้ำพุร้อน ช่วยให้อากาศอบอุ่นเย็นสบาย และรัฐบาลได้นำประโยชน์จากแหล่งความร้อนทางธรรมชาตินี้มาเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งใช้ทั่วประเทศ นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซลฟอสส์ (Selfoss) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Selfoss Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ขับรถสโนว์โมบิล แลงโจกุล - เที่ยวเมืองเรคยาวิค |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการนั่งรถจิ๊ปสู่ทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ ให้ท่านได้ขับรถสโนว์โมบิลตะลุยไปใน ทุ่งน้ำแข็งแลงโจกุล (Langjökull Glacier) บนดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือที่อยู่สูงที่สุดของโลก ซึ่งมีความกว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 พื้นที่กว่า 596 ตารางกิโลเมตร ตะลุยไปในทุ่งน้ำแข็งกว้างอย่างเต็มอิ่มตลอด 1 ชั่วโมง (ทัวร์มีบริการชุดกันความหนาว, หมวกกันน็อค, ถุงมือ, รองเท้าบูท)
|
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม เมืองเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) และถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆ ของเมืองหลวงแห่งไอซ์แลนด์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็นจุดที่สูงอีกจุดหนึ่งของเมือง โบสถ์นี้มีความสำคัญในฐานะเป็น ศาสนสถานเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ของสถาปนิกกุดโยน (Guðjón Samúelsson) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมแนวอิมพราสชั่นนิสท์ เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1945 จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1986 รวมเวลาก่อสร้างกว่า 38 ปี 1786 นำท่านชม เพอร์ลัน (Perlan) หรือ The Pearl เป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไว้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองโดยสถาปนิกชื่อดัง อิงกิ มูนดูร์ เป็นผู้ออกแบบ อาคารรูปทรงคล้ายลูกโลกครึ่งวงตั้งอยู่บนฐานที่คล้ายถังน้ำมองเห็นได้ในระยะไกล แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ร้านอาหาร, ร้านไอศกรีม,พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไวกิ้ง, สวนน้ำ และร้านขายของที่ระลึก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Radisson Blu Saga Hotel หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 8 | ล่องเรือชมปลาวาฬ - แช่น้ำแร่บลูลากูน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านล่องเรือชม ปลาวาฬ กิจกรรมอันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการดูปลาวาฬแบบธรรมชาติโดยนั่งเรือกู๊ดโบ๊ต หรือเรือไม้ซึ่งออกแบบให้โต้คลื่นลมได้อย่างนิ่มนวล ปลาวาฬที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำแถบนี้จะมี 3 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ วาฬมิงค์ หรือ ในสำเนียงภาษาไอซ์แลนด์ เรียกว่า มิงคี (Minke) , วาฬหลังค่อม (Humpback) และวาฬเพชรฆาต (Killer Whale) การล่องเรือชมวาฬใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (บนเรือมีชุดกันหนาวบริการ) (บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในกรณีที่บริษัทฯ เรือยกเลิกให้บริการอันเนื่องมาจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินดาวิก สู่ บลูลากูน (Blue Lagoon) หรือ ทะเลสาบสีฟ้า สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพระดับโลกและโด่งดังที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวกว่า 95% ต่างไม่พลาดกับการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ อิสระให้ท่านแช่น้ำแร่ธรรมชาติผ่อนคลายไปกับ Stream & Sauna เพื่อการพักผ่อนตามอัธยาศัย (มีบริการผ้าขนหนูให้ท่าน กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำและหมวกคลุมผมไปด้วยสำหรับการแช่น้ำแร่ในบลูลากูน *** |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Radisson Blu Royal Hotel หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2) |
วันที่ 9 | เฮลซิงกิ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม หลังรับประทานอาหาร นำท่านสู่ สนามบินเคฟลาวิก (Keflavik International Airport) กรุงเรคยาวิก |
10.25 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเฮลซิงกิ โดยเที่ยวบิน AY992 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.30 ชั่วโมง) |
15.55 น. | เดินทางถึง สนามบินเฮลซิงกิ แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน |
17.00 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร (บินตรง) โดยสายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY141 สายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ
|
วันที่ 10 | กรุงเทพฯ |
07.25 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |