รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์เยอรมัน

TE066 : ทัวร์ยุโรป เยอรมัน(บาวาเรีย) ออสเตรีย(ทิโรล) ฝรั่งเศส(อัลซาส) 10 วัน 7 คืน (TG)


Thai Airways (TG)
พิมพ์ พิมพ์ คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
CROWNE PLAZA HOTEL HEIDELBERG
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
GOLDENER HIRSCH HOTEL ROTHENBURG
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
GRAND EUROPA HOTEL INNSBRUCK
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
HILTON STRASBOURG HOTEL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
MARITIM HOTEL TITISEE
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
MERCURE HOTEL GARMISCH-PARTENKIRCHEN
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
SCALARIA HOTEL ST. WOLFGANG
TE066 : ทัวร์ยุโรป เยอรมัน(บาวาเรีย) ออสเตรีย(ทิโรล) ฝรั่งเศส(อัลซาส) 10 วัน 7 คืน (TG)

เยอรมัน(บาวาเรีย /ไรน์แลนด์) - ฝรั่งเศส(อัลซาส) - ออสเตรีย (เอลป์ไพน์)

บินตรงสบายๆ ไม่ต้องเสียเวลาแวะเปลี่ยนเครื่อง  พร้อมสะสมไมล์การบินไทย    
  
 ชมหมู่บ้านสวยระดับโลกในเยอรมัน Rothenburg /Bamburg / Wurzburg / Meersburg / Lindau /    
    Titisee / Ettal / Berchetsgaden / Heidelberg /Garmisch - Munich /Frankfurt
 
ชมหมู่บ้านสวยระดับโลกในฝรั่งเศส  Colmar / Riquewihr / Strasbourg
 
ชมหมู่บ้านสวยระดับโลกในออสเตรีย  Hallstatt / Salzburg / Innsbruck

สนุกสนานกับหิมะ บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมัน Zugspitze Mt.

พระราชวังสุดสวย Linderhof  Palace

โบสถ์มรดกโลกสุดสวย Ettal 

ล่องเรือทะเลสาบ Konigssee ชมฟยอดช์ ทะเลสาบที่น้ำใสสะอาดที่สุดในยุโรป
 
 พักโรงแรมระดับ 4  ดาว

เมนูพิเศษ ขาหมูเยอรมัน / เบียร์  / ไวน์ / อาหารไทย

 

 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
21.30 น.คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 3 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
วันที่ 2มิวนิค (เยอรมัน) - ฮอลสตัท - นั่งรถรางชมวิวพาโนรามา - เซนต์ วูลฟ์กัง
00.50 น.ออกเดินทางบินตรงสู่ มิวนิค ประเทศเยอรมัน โดย สายการบินไทย แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ TG 924
07.05 น.เดินทางถึง เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฮอลสตัท (HALLSTATT) เมืองมรดกโลก ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก (เมืองท่องเที่ยวอันดับ 3 ของประเทศออสเตรีย) จากนั้นนำท่านเดินเท้าเลาะริมทะเลสาบ บนถนนเลียบทะเลสาบที่เรียกว่า “ซี สตราซ” (See Strasse) อีกด้านมีร้านขายของที่ระลึก ที่ศิลปินพื้นบ้านออกแบบเองเป็นระยะสลับกับบ้านเรือนสไตล์อัลไพน์ที่เก่าแก่ไม่ขาดสาย บ้างอยู่ระดับพื้นดิน บ้างอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ และบ้านแต่ละหลังล้วนประดับประดาด้วยของเก่า ดอกไม้หลากสีสันสวยงามปลายสุดของ ถนนซีสตราซ ท่านจะได้ชมจัตุรัสประจำเมืองซึ่งเป็นลานหินขนาดย่อม ประดับด้วยน้ำพุกลางลาน และอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม

ระยะทางจาก  มิวนิค  –  ฮอลสตัท  ประมาณ 200  กิโลเมตร  ใช้เวลา 2.30 ชม.
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูปลาเทราซ์
บ่ายพิเศษ นำท่านขึ้นรถรางขึ้นสู่ภูเขาด้านบนชมวิวมุมสูง สามารถมองเห็นวิวพาโนรามา ให้ท่านได้ชมวิวเมืองฮอลสตัท และทะเลสาบจากด้านบน (รถรางเปิดให้บริการเฉพาะ ช่วงเดือนเดือน เม.ย. – พ.ย. เท่านั้น )


(หมายเหตุ : หากเกิดเหตุสุดวิสัยต่างๆ เช่น เนื่องสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือมีการปิดปรับปรุงหรือทางรถรางไม่เปิด ให้ขึ้นชม  ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้ขึ้นชม โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า บริษัทจะทำการคืนเงินท่านละ 10 EURO )
 
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเซนต์วูลฟ์กัง (ST.WOLFGANG) (ระยะทาง ฮอลสตัท – เซนต์วูลฟ์กัง 30 กิโลเมตร / ใช้เวลา 40 นาที) เมืองรีสอร์ทเล็กๆริมทะเลสาบเมือง รีสอร์ทเล็กๆ ในหุบเขาริมทะเลสาบวูลฟ์กัง ชมเมืองเซนต์วูลฟ์กัง เมืองท่องเที่ยวที่สวยงามโรแมนติคที่สุดเมืองหนึ่งของออสเตรียที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ทะเลสาบสวยใส และทุ่งหญ้าเขียวขจีเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พักSCALARIA HOTEL  ST. WOLFGANG หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว 

หมายเหตุ : โรงแรมเมืองเซนต์วูฟกังค์ มีจำกัดหากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปเมืองใกล้เคียง
วันที่ 3เซนต์วูลฟ์กัง - ล่องเรือทะเลสาบโคนิงซี - หมู่บ้านรามเซา (Unseen) - เปิดประสบการณ์ใหม่พร้อมความสนุกสนานกับเหมืองเกลือ - เบิร์ชเทสกาเด้น
เช้ารับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า

นำท่านเดินทางสู่ เมืองพรมแดนระหว่างออสเตรียกับเยอรมัน  เมืองเบิร์ชเทสกาเด้น (เยอรมัน) (ระยะทาง เซนต์วูลฟ์กัง – โคนิงซี  80 กิโลเมตร / ใช้เวลา 1.20 ชม.) เจ้าของเส้นทางดิอัลไพน์โร้ด 1 ใน 6 เส้นทางแสนสวยและยังเป็น เส้นทางเก่าแก่ที่สุดที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ เลาะเลียบเทือกเขาแอลป์ เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็น ศูนย์กลางทางการค้าและการสำรวจหาเกลือและสินแร่

นำท่านล่องเรือสู่ ทะเลสาบกษัตริย์ (Konigsee) ที่มีน้ำใสราวกับมรกต ได้ขึ้นว่าเป็นทะเลสาบที่น้ำใสและสะอาดที่สุดในยุโรป ทะเลสาบแห่งนี้ เป็นดินแดนแห่งฟยอร์ดที่งดงาม ที่สุดในประเทศเยอรมนี ในเขตเทือกเขาแอลป์ มีแหล่งกำเนิดจากการละลายของกลาเซียบนยอดเขา ตั้งแต่ยุคน้ำแข็งก่อให้เกิดทะเลสาบอันงามพิสุทธิ์ และความมหัศจรรย์ของฟยอร์ดที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งใน โลกฟยอร์ดแห่งนี้มีความยาวกว่า 8 กม. กว้างถึง 1,250 เมตร ลึก 190 เมตร และตั้งอยู่บนความสูงกว่า 602 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

นำท่าน ล่องเรือพลังงานไฟฟ้า ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวมา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 เพื่อไม่เกิดมลภาวะ เรือจะนำท่านล่องไปชมบรรยากาศแห่งฟยอร์ด จนถึงโบสถ์บาโธโล มิว อันเป็นเสน่ห์ของดินแดนแห่งฟยอร์ดนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าเรือ

 (หมายเหตุ : หากเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น เนื่องสภาพอากาศมาเอื้ออำนวยต่อการล่องทะเลสาบ โดยไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทจะทำการคืนเงินให้ลูกทัวร์ท่านละ 10 ยูโร)
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง 
บ่ายจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้าน รามเซา (Ramsau) (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)  เราเป็นบริษัททัวร์แรกที่จัดเข้าไปเที่ยว (ทัวร์ไทยไปน้อยมาก แต่รับรองว่าสวยมาก )  หมู่บ้านเล็กๆ Unseen ของเยอรมัน ที่ติดกับพรมแดนออสเตรียที่หลบซ่อนตัวในเขตเทือกเขาเอลป์ โดยหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความสวยงามของวิวทิวทัศน์ โดยมีโบสถ์เซนต์เซบาสเตียน(St.Sebatian) เป็นฉาก มีสะพานไม่เล็กทอดข้ามแม่น้ำ Arche ที่ไหลตัดผ่านหมู่บ้าน โดยมีฉากหลังของเทือกเขาเอลป์เป็นฉากหลัง นำท่านเดินถ่ายรูปตามอัธยาศัย หรือสามารถเข้าชมด้านในโบสถ์ได้ฟรี จากนั้นอิสระเดินถายรูปตามอัธยาศัย
 
นำท่านเข้าชม เหมืองเกลือเก่าเมืองเบิร์ชเทสการ์เดน (Berchtesgaden Salt Mine) (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) เป็นเหมืองเกลือที่ถูกสร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1517 ซึ่งในสมัยอดีต เหมืองเกลือ เป็นสถานที่ต้องห้ามของบุคคลทั่วไป เนื่องจากเกลือมีค่าจนได้ชื่อว่าเป็นทองคำขาว นำท่านนั่งรถรางลอดอุโมงค์ยาว 700 เมตร ไปยังถ้ำเกลืออันระยิบระยับ และทะเลสาบใต้ภูเขาที่งดงามด้วยแสงเสียง บรรยากาศราวกับอยู่ในเหมืองจริงเมื่อ 500 ปีก่อน ภายใต้อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ชื่นชมในความเก่าแก่ของเมืองเกลือโบราณ ซึ่งปัจจุบันยังคงได้รับการบำรุงรักษาเอาไว้เหมือนดังเช่นในอดีตทุกประการ ** เป็นกิจกรรมที่สามารถสนุกสนานได้ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ***
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พักALPENHOTEL FISCHER หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว 
วันที่ 4เบิร์ชเทสการ์เดน  - อินน์สบรูค  - มิดเท็นวาลด์ (Unseen)  -  การ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น
เช้ารับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า 
 
จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองอินน์สบรูค (Innsbruck) (ระยะทาง 150  กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชม.) หนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน “Inn River” และโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาเอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิ แม็กซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวรก เพราะอากาศดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนในเมือง แห่งนี้  ระหว่างทางท่านจะได้พบกับวิวสองข้างทางที่สวยงาม ตามถนนเส้นทางอัลไพน์ ผ่านทั้งเทือกเขาเอลป์ ทะเลสาบ หมู่บ้าน ทุ่งหญ้า

นําท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ อาคารหลังคาทองคํา (Goldenness Dachl) ที่สร้างขึ้นด้วยความประณีตละเอียดอ่อน และมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ประทับใจกับ เฮลบลิงเฮ้าส์ (Helblinghaus)ตึกสมัยโกธิคตอนปลายที่มีการเพิ่มศิลปะแบบโรโค เข้าไปในศตวรรษที่18 ทําให้ดูโดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้น โรงแรมโกลเดน เนอร์แอดเลอร์ (Goldener Adler Hotel) สร้างตั้งแต่ ค.ศ.ที่16 เป็น โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองและยังเคยใช้ต้อนรับ อะคันตุกะจากต่างแดน มาแล้วอย่างมากมาย

นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ พระราชวัง ฮอฟบูร์ก “Hofburg Palace” พระราชวังที่ราช สํานักใช้แปรพระราชฐานในช่วงฤดูหนาวและบันทึกภาพสวยจากอาคาร เรอเนสซองส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรีย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่ายจากนั้นนำท่านเดินออกเดินทางสู่เมือง มิดเท็นวาลด์ (Mittenwald) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) พรมแดนระหว่างเยอรมันกับออสเตรีย หมู่บ้านเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาเอลป์ และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านติดอันดับความสวยของเยอรมัน  ถือเป็นสถานที่ UNSEEN ของเยอรมันด้วย นำท่านชมเมืองสูดอากาศอันบริสุทธิ์ เดินเล่นนั่งจิบกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์หรือเลือกสินค้าที่ระลึก

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง การ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น (Garmisch-Partenkirchen) (ระยะทาง 17 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) เป็นหนึ่งใน เมืองที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของเยอรมนี เป็นเมืองเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันบ้านเรือนตกแต่งด้วยสไตล์บาวาเรียน มีภาพเขียนสีตกแต่งตามบ้านเรือนและถือเป็นประตูสู่ยอดเขา Zugspitze ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเยอรมันนีและเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า เล่นสกี หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง นำท่านเดินเล่นเก็บบรรยากาศอันแสนโรแมนติคของเมือง
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พักMERCURE HOTEL GARMISCH-PARTENKIRCHEN หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว  
       
หมายเหตุ : โรงแรมเมืองการ์มิช มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง
วันที่ 5การ์มิส - ยอดเขาซุกสปิตเซ่ ( TOP OF GERMANY)  - ปราสาทลินเดอร์ฮอฟ - โบสถ์ วีสเกอเชอ - ฟุสเซ่น
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 
 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (ZUGSPITZE)  ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี ให้ท่านเก็บภาพประทับใจจากจุดชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดใน เยอรมนีคือ 9,721 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ที่ทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ทั้งปีคือ สกีในฤดูหนาวและเดินเขาในฤดูร้อน เมื่อมองจากยอดเขาจะเห็นทิวทัศน์งดงามกว้างไกลไปถึง 4 ประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์โดยมียอดเขาที่อยู่เคียงกันอีก 3 ยอดคือ แอล์ปสปิตซ์ (Alpspitz), ครอยเซ็ค (Kreuzeck) และแวงค์ (Wank) ซึ่งล้วนแต่เป็นสวรรค์ของนักเดินทางและนักสกีทั้งสิ้น นิทรรศการศิลปะบนที่สูงที่สุดและซุกสปิตซ์ปลาต ธารน้ำแข็งสายเดียวของเยอรมนีที่ยามหิมะตกหนา ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มิถุนายน กลายเป็นเส้นทางสกีให้เลือกเล่นหลายระดับ อิสระท่านตามอัธยาศัย 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง บนยอดเขา 
บ่ายจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่าง เดินทางสู่ เมืองเอ็ททาล (Ettal) (ระยะทาง 15 กิโลเมตร  ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)

นำท่านเข้าชม ปราสาทลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof) 1 ใน 3 ปราสาทที่พระเจ้าลุควิคที่ 2 ได้สร้างขึ้นมานับเป็นปราสาทหลังที่ 2 ที่พระองค์ได้เสด็จไปเยือนฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1867 เพราะความประทับใจในพระราชวังแวร์ซายน์ จุดประสงค์เพื่อใช้ล่าสัตว์และถือว่าเป็นปราสาทที่เล็กที่สุดใน 3 ปราสาทที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น โดยใช้เวลาสร้างถึง 4 ปี แบบศิลปะร็อกโคโคแบบฝรั่งเศส  นำท่านเข้าชมห้องภายในปราสาท ซึ่งเปิดให้ท่านชมเพียง 9 ห้องเท่านั้น เช่น บัลลังก์เปลือกหอย,ห้องบรรทมห้องเสวย,ห้องแต่งตัว เป็นต้น ซึ่งถูกตกแต่งได้อย่างวิจิตรอลังการมาก ถือว่าเป็นปราสาทเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยสถาปัตกรรมและความสวยงามจริงๆ จากนั้นอิสระให้ท่านถ่ายรูปพอสมควร  
 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองชไตน์กาเดน (Steingaden) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร  ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) 

นำท่านแวะชม โบสถ์ วีสเกอเชอ (Wieskirche ) หรือเรียกว่า Pilgrimage Church of Wies เป็นชื่อของโบสถ์เล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ภายในโบสถ์ตกแต่งในสไตล์ Rococo ที่สมบูรณ์แบบที่สุด จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO และเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก โดยโบสถ์แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้น จากในปี ค.ศ. 1738 มีคำกล่าวอ้างว่า ประชาชนได้เห็นน้ำพระเนตรหลั่งจากพระเนตรของรูปไม้กางเขนแกะสลักไม้ของพระเยซู หรือที่เรียกกันว่าพระมหาไถ่ถูกเฆี่ยน (Scourged Saviour) เรื่องเล่าแห่งปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น เป็นเหตุให้มีนักแสวงบุญเดินทางไปจารึกบุญ เยี่ยมชม และอธิษฐานขอพรจากรูปแกะสลักพระเยซูอย่างมากมาย ด้วยความเชื่อที่ว่ารูปแกะสลักนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ในปีค.ศ. 1740 ได้จัดสร้างชาเปลขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปแกะสลักนี้โดยเฉพาะ แต่เนื่องด้วยขนาดของอาคารที่เล็กเกินกว่าที่จะรองรับจำนวนของนักแสวงบุญที่เดินทางมาจารึกบุญ จึงได้มีการตัดสินใจสร้างโบสถ์วีสแห่งนี้ขึ้น โดยโบสถ์แห่งนี้สร้างแบบศิลปะโรโกโก การตกแต่งภายในออกแบบโดย โดมินิคุส ซิมเมอร์มันน์ ผู้เป็นศิลปินสำคัญของสมัยศิลปะโรโกโก และถือกันว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปีนท่านนี้ โดมินิคุส ซิมเมอร์มันน์ได้ทุ่มเทสร้างโบสถ์แห่งนี้ เป็นเวลา 11 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1745 จนถึงปี ค.ศ. 1754 ก่อนที่จะเสียชีวิตลง อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย

หมายเหตุ :  การเข้าชมด้านในโบสถ์บางวันหากมีพิธีสำคัญจะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ให้ชมได้แค่เพียงภายนอกเท่านั้น
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พักLUITPOLDPARK-HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว
                          
หมายเหตุ : โรงแรมเมืองเบรเก้น มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง
วันที่ 6ฟุสเซ่น - ลินเดา - ทิทิเซ่ 
เช้ารับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า

จากนั้นนำท่านเดินสู่ เมือง ลินเดา (Lindau)  (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที) เมืองตากอากาศแสนสวยริมทะเลสาบคอนสแตนซ์ (Lake Constance) หรืออีกชื่อคือทะเลสาบโบเดนเซ (Bodensee)

จากนั้นนำท่านเดินชม ลินเดา เมืองเล็กที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เป็นเมืองเล็กๆอยู่ระหว่างสามประเทศ คือเยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยของเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาบโดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาเอลป์จนได้รับฉายาว่า แชงกรีลา แห่งเยอรมัน

นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมือง ถ่ายรูปกับเสาประภาคารบาวาเรียและเสารูปสิงโตซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลินดา อิสระทุกท่านเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่ายจากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมือง ทิทิเซ่ (TITISEE) (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) เขตป่าดําตอนใต้(SOUTH BLACK FOREST) เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางป่าสนอันอุดมสมบูรณ์และทะเลสาบสุดสวย

นําท่านชม ทะเลสาบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทะเลสาบทิทิเซ่ (TITISEE LAKE) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในป่าดํามีความยาว 2 กิโลเมตร และมีความกว้าง 700 เมตร ผ่านบริเวณนี้ ท่านจะได้พบกับยอดเขาที่สูงที่สุดในป่าดํานั่นคือ ยอดเขา FELDBERG ซึ่งความสูงถึง 1500 เมตร เดินทางถึง ทะเลสาบทิทิเซ่ ท่านจะได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติที่ห้อมล้อมทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยติดอันดับในทวีปยุโรปอีกด้วย

นําท่านชม ทิวทัศน์ความงดงามของป่าดํา และทะเลสาบ มนต์เสน่ห์ที่ท่านจะต้องหลงใหลไม่มีวันลืม  ให้ท่านได้เลือกซื้อหรือชม นาฬิกากุ๊กกู เป็นของฝากหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พักMARITIM HOTEL TITISEE หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองกอลม่าร์ โรงแรมมีจำนวนจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอย้ายไปเมืองใกล้เคียง
วันที่ 7ทิทิเซ่ - กอลมาร์ - ริคเวีย - สตราสบูร์ก
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 
 
นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ เมืองกอลมาร์ (COLMAR) (ระยะทาง 80  กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 1.15 ชม.) เมืองในแคว้นอาลซัส ประเทศฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งใน (เมืองที่ถูกจัดอันดับ 1ใน 10 เมืองโรแมนติคที่สุดในโลก) ได้รับการขนานนามว่าเวนิสน้อย (LA PETITE VENISE) ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของอาลซัส  และยังเป็นบ้านเกิดของศิลปิน เฟรดเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบเทพีเสรีภาพ เมืองกอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยากรรมและบรรยกาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ที่อยู่อาศัยเหมือนในยุคกลาง  ด้วยบบรรยกาศที่สวยงามตัดกับบ้านเรือนสีสันสดใสจึงเป็นเมืองที่คู่รักจากทั่วโลกเดินทางมาฮันนีมูนที่นี้  จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินตามอัธยาศัย
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่ายจากนั้นได้เวลานำท่านสู่ เมืองริคเวีย (Riquewihr) (ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ) เมืองที่ติดกับเมืองกอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของแคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Village de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส

นำท่านเดินชมบ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก

นำท่านเดินเล่นชมเมือง ริคเวีย ท่านจะได้พบกับร้านเรือนที่มีสีสันสวยงามล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น มีตรอกซอกซอยร้านค้า ร้านไวน์ ร้านกาแฟ ให้ท่านเลือกนั่งจิ๊บไวน์หรือกาแฟ หรือเลือกซื้อไวน์ที่มีชื่อเสียง อิสระให้ท่านเดินถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจ 
 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบูร์ก (Strasbourg) (ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ) เป็นเมืองแห่งความโรแมนติค และเมืองหลวงของแคว้นอัลซาส (Alsace)ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความสวยงามเมืองหนึ่งของยุโรป ซึ่งเมื่อท่านเดินทางมาแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ไม่ควรพลาดเด็ดขนาด เมืองขนาดกลางแห่งนี้มีย่านเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม la Petite France (ปารีสน้อย)   

นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารนอร์ทเทอดาม ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและมียอดโดมสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก  อีกด้วยออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยหินทรายสีชมพูทั้งหลังโดยสร้างขึ้นในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 260 ปีตัววิหารมีการรวบรวมรูปแบบการก่อสร้างที่งดงามหลายส่วนรวมถึงรูปแกะสลักต่างๆ ช่วงยุคกลาง จากนั้นอิสระถ่ายรูปหรือเลือกซื้อสินค้าพื้นตามอัธยาศัย

นำท่านชมเขต  la Petite France  ของเมืองสตราสบูร์ก ซึ่งมีภูมิทัศน์สวยงามด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งสองแม่น้ำ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมือง มีลักษณะเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำอิลล์ทั้งสี่ด้านและมีเส้นทางคูคลองเชื่อมต่อกันไปมากมาย บริเวณใกล้เคียงเป็นเกาะที่มีสะพานหลายแห่งเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆของเมือง ภายในย่านนี้มีลักษณะเป็นตรอกซอกซอย พื้นถนนปูลาดด้วยหินกรวด เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงามซึ่งทอดตัวเป็นภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน Rue des Moulins และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนู หอยเอสคาโก้
ที่พักHILTON STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว
วันที่ 8สตราสบูร์ก - ไฮเดลเบิร์ก - ปราสาทไฮเดิลเบิร์ก  - โรเธนเบิร์ก
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) (ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1ชม. 30 นาที ) ตั้งอยู่ในรัฐ baden-Wurttemburg ทางใต้ของแฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเน็คคาร์ (Neckar) โดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเชิงเขา

จากนั้นเข้าชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ซึ่งตั้งอยู่บนเขาแบร์กบาห์น ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 400 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ สถาปัตยกรรมที่เห็นจึงมีหลากหลายตามยุค โดยเริ่มก่อสร้างจากยุคโกธิค ในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้ารูเพรชท์ที่ 3 ปราสาทได้รับความาเสียหายในปี 1622 ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม30ปีและมาถูกเผาทำลายถึง 2ครึ่งในปี 1689และ 1693 ในสงครามกับฝรั่งเศส จึงเหลือตาซากปรักหักพัง และได้การยอมรับว่านี้คือซากปรักหักพังของปราสามที่สวยงามที่สุดในโลก

นำท่านชม วิวจากจุดชมวิวบนตัวปราสาท ท่านจะมองเห็นเมืองไฮเดลเบิร์กได้อย่างสวยงาม นำท่านชมเก็บ ถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดความจุราว 222,000ลิตร จากนั้นนำท่านลงสู่ตัวเมืองเก่าของไฮเดลเบิร์ก

นำท่านชม สะพานเก่าอัลเทอบรุค เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเน็คคาร์ ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เมื่อเดินข้ามสะพานไปแล้วมองหันกลับมาท่านจะเห็ปราสาทไฮเดลเบิร์กสีชมพูอมแดงตั้งโดดเด่นเหนือตัวเมืองไฮเดลเบิร์ก

นำท่านชม รูปปั้นลิง บนตัวสะพานที่มีความเชื่อว่าหากได้มาสัมผัสรูปปั้นลิงนี้จะได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ จตุรัสมาร์คพลัทซ์  ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถไฮลิก ไกสท์เคียร์เค่อ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นศิลปแบบโกธิค 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
กลางวันจากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกของฝากมากมายตามอัธยาศัย 

จากนั้นนำท่านเดินสู่ เมือง โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburgob der Tauber) หรือเรียกๆว่า เมืองโรเธนเบิร์ก ( ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในเขตบาวาเรีย (Bavaria) ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองในยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมัน

จากนั้นนำท่านเดินชมเมือง โรเธนเบิร์ก เป็นเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงเมืองถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีประวัติศาสตร์อันแสนโรแมนติกของเยอรมนีเช่นกันอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และแนวกำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิมบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้า ไวน์ โค กระบือ และขนสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1274

นำท่านชม ศาลาว่าการเมือง (Town Hall) ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยตัวอาคารนั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1250 ในแบบอาคารโกธิค

นำท่านขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของอาคารบ้านเรือนหลากสีสันที่ จัตุรัส Plönlein จัตุรัสเล็ก ๆ แต่มีชื่อเสียงในไปทั่วโลก บริเวณรอบ ๆประกอบไปด้วยลานน้ำพุและตลาดเก่า อิสระท่านเดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝาก และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พักGOLDENER  HIRSCH  HOTEL ROTHENBURG หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองวูร์ซเบิร์ก โรงแรมมีจำนวนจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง
วันที่ 9โรเธนเบิร์ก - วูซเบิร์ก - แฟรงค์เฟิร์ต - จตุรัสโรเมอร์ - ช้อปปิ้ง - สนามบิน
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 
 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองวูร์ซเบิร์ก (Wuerzburg) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. )เมืองบนเนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมนซึ่งเป็นอีกแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก

นำท่านชม ความงดงามของเมือง วูร์ซเบิร์ก โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall) แวะถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองวูร์ซเบริ์ก (Wurzburg Cathedral) สร้างขึ้นเมื่อ คศ. 788 และในการก่อสร้างระหว่างปี 1040 - 1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้ภายนอกมหาวิหารสร้างแบบโรมาเนสก์

จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Wurzburg Residence สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 10 ซึ่งอดีตคือพระราชวังเก่า สร้างแบบสถาปัตยกรรมบาโรก และได้มีการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) เมืองธุรกิจการค้าที่สำคัญของเยอรมัน ( ระยะทาง 120กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. )

จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสโรเมอร์ (ROMERBERG) ย่านใจกลางเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (THE ROMER)ศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี 1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบกับอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่า ออสไซเล่อ (OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้ทุกรายละเอียดนำท่าน ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรม (GERECHTIGKEITSBRUNNEN) ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน ผ่านชมโบส์ถเซนต์พอล และวิหารใหญ่ประจำเมือง
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
บ่ายอิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายช้อปปิ้ง ย่านถนนซายล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดของประเทศเยอรมนีที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังเรียงรายอยูมากมายไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
 
จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบิน ให้ท่านได้มีเวลาทำ TAX REFUND
20.40 น.ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพ โดยสายการบินไทย  เที่ยวบินที่ TG 923
วันที่ 10กรุงเทพ - สุวรรณภูมิ
12.30 น.เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ



ดาวน์โหลดใบจอง
   
            ดาวน์โหลดใบจอง (Word)       ดาวน์โหลดใบจอง (PDF)

เงื่อนไขในการจอง

อัตราค่าบริการนี้รวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ  (Economy Class)  แบบหมู่คณะ / ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ 
  • ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการหรือเทียบเท่า 
  • ค่าอาหารที่ระบุตามรายการ
  • ค่าเข้าชมสถานที่ทุกแห่งที่ระบุตามรายการ 
  • ค่าวีซ่าท่องเที่ยวยุโรปแบบ Etats Schengen
  • ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท  และค่ารักษาพยาบาล ตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ วงเงินไม่เกินท่านละ 200,000.- บาท
  • ทิปคนขับรถในยุโรป วันละ 2 ยูโร / ท่าน / วัน 
  • พนักงงานยกกระเป๋าโรงแรมที่พัก
  • น้ำดื่มวันละ 1 ขวด / ท่าน
อัตราคา่บริการนี้ไม่รวม
  • ค่าธรรมเนียมจัดทำหนังสือเดินทาง , แจ้งเข้าแจ้งออกสำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางของไทย
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ในกรณีที่ต้องการใบกำกับภาษี
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ  เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯ
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษ
การจองและการชำระ 
  • กรุณาชำระมัดจำท่านละ 30,000 บาท ภายใน 3 วัน  นับวันจากวันจอง
  • จากวันจองและชำระส่วนที่เหลือก่อนเดินทาง 14 วัน
  • กรุณาจัดเตรียมเอกสารและหนังสือเดินทาง ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 25 วัน   

หมายเหตุ

  • กรณีวีซ่ายังไม่ทราบผลก่อนเดินทาง 15 วันทำการ ทางบริษัทฯต้องขอเก็บค่าทัวร์ทั้งหมดก่อนตามกำหนดเงื่อนไขการชำระเงิน แต่หากวีซ่าของท่านไม่ผ่านการพิจารณาจากทางสถานฑูตไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามทางบริษัทจะคืนเงินค่าทัวร์ให้ท่านโดยทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าใช่จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
  • หากท่านจองและส่งเอกสารในการทำวีซ่าเข้าประเทศล่าช้าไม่ทันกำหนดการออกตั๋วกับทางสารการบินและผลของวีซ่าของท่านไม่ผ่าน บริษัทฯจะขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินค่ามัดทั้งหมด
การยกเลิก
  • ยกเลิกการเดินทาง 31 วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (ช่วงหน้าเทศกาลวันหรือหยุดยาว เช่น  เป็น 45 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 16 – 30 วัน หักค่ามัดจำ 20,000 บาท (ช่วงหน้าเทศกาลวันหรือหยุดยาว เช่น  เป็น 26-44 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 10-15 วัน ไม่คืนมัดจำ (30,000)  (ช่วงหน้าเทศกาลวันหรือหยุดยาว เช่น  เป็น 20- 25 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง  6 -9 วัน   หักค่าใช้จ่าย 75%  ของราคาทัวร์ (ช่วงหน้าเทศกาลวันหรือหยุดยาว เช่น  เป็น 4- 19 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง  5  วัน   หักค่าใช้จ่าย 100 %  ของราคาทัวร์ 
  • ผู้เดินทางไม่สามารถเข้า – ออกเมืองได้ เนื่องจากเอกสารปลอมหรือการห้ามของเจ้าหน้าที หักค่าใช้จ่าย 100%
  • กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติจากทางสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์หรือมัดจำมาแล้ว
  • ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าบริการค่ายื่นวีซ่า และค่าใช้จ่ายบางส่วนที่เกิดขึ้นจริงเป็นกรณีไป อาทิ กรณี ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว หรือได้ชำระค่บริการในส่วนของทางเมืองนอก เช่น โรงแรม, รถไฟ ฯลฯ ไปแล้ว ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ๋ในการหักเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้วกับท่านเป็นกรณีไป
  • การยกเลิก ขอสงวนสิทธืในการคืนเงินมัดจำทุกๆ กรณี 
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งข้างต้น
หมายเหตุ
  •  ราคานี้เป็นราคาทัวร์ตั้งแต่  15 ท่านขึ้นไป **
  • หากต่ำกว่า 15 ท่าน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดออกการเดินทาง **
  • เนื่องจากกฎการเข้าพักของโรงแรมในยุโรป บังคับให้เด็กอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปจะต้องนอนมีเตียงเสริมบางโรงแรมเท่านั้นที่มีห้อง 3 เตียง หากเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน เรียนแนะนำว่าเปิด 2 ห้องจะสะดวกกว่า
  • ท่านใดที่จะออกตั๋วภายในประเทศ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าทัวร์ก่อน มิเช่นนั้นทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่ออกตั๋วไปแล้ว**
  • ราคาอาจมีปรับขึ้น-ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น-ลง แต่จะปรับตามความเป็นจริงที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น / ตั๋วกรุ๊ป เมื่อออกตั๋วแล้วเลื่อนไม่ได้ทุกกรณี** **
ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องตั๋วเครื่องบิน
  • ในการเดินทางเป็นหมู่คณะ ผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับพร้อมกรุ๊ป หากต้องการเลือนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนต่างของสายการบิน และบริษัททัวร์เรียกเก็บ และการจัดที่นั่งของกรุ๊ป เป็นไปโดยสายการบินเป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัท มาสามรถเข้าไปแทรกแซงได้ 
  • กรณียกเลิกการเดินทาง ได้ทำการออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว (กรณีตั๋ว Refund) ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องโรงแรมที่พัก
  • เนื่องจากการวางแปลนแบบห้องพักของแต่ละโรงแรมแตกต่างกัน อาจทำให้ห้องพักแบบห้องเดี่ยว (Single) และห้องคู่ (Twin/Double) และห้องพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง (Triple Room) ห้องพักอาจไม่ติดกัน
  • โรงแรมหลายแห่งในยุโรปจะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศจะมีในช่วงฤดูร้อนเท่านั่น
  • กรณีที่มีงานจัดประชุมนานาชาติ (Trade Fair) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้นมาก และห้องพักในโรงแรมเต็ม บริษัท ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยน หรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
  • โรงแรมในยุโรปที่มีลักษณะ Traditional Building ห้องที่เป็นห้องเดี่ยวอาจเป็นห้องที่มีขนาดกะทัดรัด และไม่มีอ่างอาบน้ำ ซึ่งอยู่ในการออกแบบของแต่ละโรงแรมนั้นๆและแต่ละห้องอาจมีลักษณะแตกต่างกันด้วย หากท่านต้องการความสะดวกสบายและหห้องใหญ่กว่า ท่านสามารถจ่ายเพิ่มเป็นห้องแบบ Double Single Use ได้
  • การอนุมัติวีซ่าเป็นเอกสิทธิ์ของสถานฑูต ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้บริษัทเป็นเพียงตัวกลางและคอยบริการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางเท่านั้น เงินค่าสมัครยื่นวีซ่า ทางสถานฑูตเป็นผู้เก็บ หากผลวีซ่าออกมาว่าท่าน ไม่ผ่าน
    ทางสถานฑูตจะไม่คืนเงินค่าวีซ่า และค่าบริการจากตัวแทนยื่นวีซ่าไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น และทางสถานฑูตมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบเหตุผลของการปฏิเสธวีซ่าในทุกกรณี
  • กรณีที่ท่านวีซ่าผ่าน แต่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ได้ เนื่องจากผู้เดินทางท่านอื่นในกลุ่มโดนปฎิเสธวีซ่า ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินค่าวีซ่าและค่าบริการจากตัวแทนยื่นให้กับท่าน เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยสถานฑูตเป็นผู้เรียกเก็บ และท่านสามารถนำวีซ่าไปใช้เดินทางได้ หากวีซ่ายังไม่หมดอายุ
ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องกระเป๋า
  • สำหรับน้ำหนักของกระเป๋าที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และมีความกว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 115 เซนติเมตร หรือ 25 เซนติเมตร (9.75 นิ้ว) X 56 เซนติเมตร (21.5 นิ้ว) X 46 เซนติเมตร (18 นิ้ว)
  • สำหรับน้ำหนักกระเป๋าที่ทางสายการบินอนุญาตให้บรรทุกใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/Economy Class Passenger) การเรียกค่าระว่างน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฎิเสธได้ (ต้องชำระในส่วนที่โดนเรียกเก็บเพิ่ม)
  • ทางบริษัทฯไม่รับผิดชอบกรณีเกิดการสูญเสีย,สูญหายของกระเป๋า และสัมภาระของผู้โดยสาร
การอนุมัติวีซ่าเป็นเอกสิทธิ์ของสถานฑูต
  • ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้บริษัทเป็นเพียงตัวกลางและคอยบริการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางเท่านั้น เงินค่าสมัครยื่นวีซ่า ทางสถานฑูตเป็นผู้เก็บ หากผลวีซ่าออกมาว่าท่าน ไม่ผ่านทางสถานฑูตจะไม่คืนเงินค่าวีซ่า และค่าบริการจากตัวแทนยื่นวีซ่าไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น และทางสถานฑูตมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบเหตุผลของการปฏิเสธวีซ่าในทุกกรณี

  • กรณีที่ท่านวีซ่าผ่าน แต่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ได้ เนื่องจากผู้เดินทางท่านอื่นในกลุ่มโดนปฎิเสธวีซ่า ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินค่าวีซ่าและค่าบริการจากตัวแทนยื่นให้กับท่าน เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยสถานฑูตเป็นผู้เรียกเก็บ และท่านสามารถนำวีซ่าไปใช้เดินทางได้ หากวีซ่ายังไม่หมดอายุ
เอกสารในการยื่นวีซ่า
  • พาสปอร์ตที่มีอายุคงเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง (ถ้ามีเล่มเก่าโปรดแนบมาด้วย)
  • รูปถ่ายสี 2 นิ้ว 2 รูป ฉากหลังสีขาวเท่านั้น ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน และอัดจากร้านถ่ายรูปเท่านั้น 
    เห็นคิ้วและใบหูชัดเจน (สถานทูตเข้มงวดมากเรื่องรูปถ่าย)
  • ทะเบียนบ้าน / บัตรประชาชน / สูติบัตรกรณีที่อายุต่ำกว่า 20 ปี / ทะเบียนสมรส-หย่า-มรณะบัตร (ถ้ามี โดยเฉพาะท่านที่ใช้คำนำหน้าเป็นนาง) ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล (ถ้ามี)(เป็นสำเนาทั้งหมด)
  • หลักฐานการงานกรุณาระบุ “TO WHOM IT MAY CONCERN”แทนการใส่ชื่อสถานทูตเท่านั้น!!!
  • ใช้หนังสือรับรองจากสถานที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ระบุตำแหน่ง เงินเดือน วันที่เข้าทำงานและระบุวันลา
  • เจ้าของกิจการ ใช้สำเนาทะเบียนการค้า และหนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วน หากไม่จดทะเบียน ใช้เอกสารการเสียภาษี
  • นักเรียน นักศึกษา ให้ใช้หนังสือรับรองการเรียนเป็นภาษาอังกฤษจากสถานศึกษาที่เรียนอยู่
    ประกอบอาชีพอิสระ ทำจดหมายรับรองตนเองเป็นภาษาอังกฤษ ระบุรายได้ต่อเดือน พร้อมทั้งเอกสารการเสียภาษี  รูปถ่ายกิจการ
  • หลักฐานการเงิน
    กรณีออกค่าใช้จ่ายเอง ใช้หนังสือรับรองบัญชีที่ออกจากทางธนาคาร เงินฝากออมทรัพย์เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมสเตทเม้นท์เคลื่อนไหวย้อนหลัง 6 เดือนจากธนาคาร ยอดเงินคงเหลือเกิน 6 หลัก ปรับยอดเป็นปัจจุบันไม่เกิน 1 เดือนก่อนวันยื่นวี (สถานทูตพิจารณาจากบัญชีออมทรัพย์เป็นหลัก บัญชีอื่นๆ สามารถใช้ยื่นประกอบได้)
  • กรณีมีผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ให้บุคคลที่ออกค่าใช้จ่าย (ต้องเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น) ทำหนังสือรับรองบัญชีที่ออกจากทางธนาคาร และระบุชื่อผู้เดินทางในหนังสือรับรอง พร้อมสเตทเม้นท์เคลื่อนไหวย้อนหลัง 6 เดือนจากธนาคาร (ปรับยอดเป็นปัจจุบัน)  พร้อมแนบสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนของผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
  • หนังสือยินยอมให้เด็กเดินทางไปต่างประเทศ (กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 20ปี) ในกรณีเด็กไม่ได้เดินทางไปกับบิดา มารดา หรือท่านใดท่านหนึ่ง ทำที่เขตหรืออำเภอเท่านั้น พร้อมสำเนาบัตรประชาชน

    ** เอกสารต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือนนับจากวันยื่นวีซ่า ***

ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy