5 เม.ย. 2561 | กรุงเทพมหานคร - ซูริค |
19.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน U (แถว U 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอิน สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
21.30 น. | ออกเดินทางสู่ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี |
6 เม.ย. 2561 | ซูริค - น้ำตกไรน์ - ซังท์กาลเลิน |
04.00 น. | เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน TK1907 (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง) อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายใน สนามบินอิสตันบูล |
07.05 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินอิสตันบูล (IST) สู่ สนามบินซูริค (ZRH) โดย สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส |
09.05 น. | เดินทางถึงสนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซูริค (Zurich) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านสู่ จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz) จัตุรัสเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของการค้าสัตว์ที่สำคัญของเมืองซูริค ปัจจุบันจัตุรัสนี้ได้กลายเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและยังเป็นศูนย์กลางการค้าของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster Abbey) โบสถ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองซูริค สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 853 โดยกษัตริย์เยอรมันหลุยส์ ใช้เป็นสำนักแม่ชีที่มีกลุ่มหญิงสาวชนชั้นสูงจากทางตอนใต้ของเยอรมันอาศัยอยู่ จากนั้นนำท่านเดินเล่นบนถนน บานโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse) เป็นถนนอันลือชื่อที่มีความยาวประมาณ 1.4 กิโลเมตร เป็นถนนที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติว่าเป็น ถนนช้อปปิ้งที่มีสินค้าราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตลอดสองข้างทางล้วนแล้วแต่เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า ร้านค้าอัญมณี ร้านเครื่องประดับ ร้านนาฬิกาและโรงแรมระดับหรู ถัดจากถนนบานโฮฟซตราสเซอ คือ ถนนออกัสตินเนอร์กาส (Augustinergasse) ถนนเก่าแก่สายเล็กๆ ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ตลอดสองข้างทางเป็นที่ตั้งของอาคารบ้านเรือนที่สร้างขึ้นจากช่างฝีมือในยุคกลาง ไฮไลท์การท่องเที่ยวคือการไปชมความงดงามของเหล่าหน้าต่างไม้แกะสลักตามอาคารต่างๆบนถนนแห่งนี้ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองซอฟฮาวเซ่น (Schaffhausen) (ระยะทาง 50 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำไรน์ เมืองที่มีความสวยงามเต็มไปด้วยกลิ่นไอของสถาปัตยกรรมสไตล์เรเนซองส์ และอาคารสไตล์คลาสสิค นำท่านเที่ยวชมและสัมผัสความงามของ น้ำตกไรน์ น้ำตกที่ใหญ่และสวยที่สุดในยุโรป ชมความแรงของกระแสน้ำที่กระทบกับโขดหินกลางน้ำดังสนั่นทั่วบริเวณ ละอองน้ำที่กระจายปกคลุมไปทั่วเสมือนเมืองมายา อิสระให้ท่านได้สูดอากาศบริสุทธิ์และสัมผัสต้นไม้ใหญ่เรียงรายทั่วบริเวณและเก็บภาพความงามตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซังท์กาลเลิน (Sankt Gallen) (ระยะทาง 84 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความรุ่งเรืองและเข้มแข็งทางศาสนามาตั้งแต่สมัยยุคกลาง นำท่านเที่ยวชมเมืองและถ่ายรูปกับ โบสถ์ซังท์กัลเลิน (Convent of St Gall) สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรค และยังเป็นที่ตั้งของ หอสมุด STIFTSBIBLIOTHEK ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1983 ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังอันขึ้นชื่อและภาพเขียนเฟรสโก้ ที่ออกแบบและเขียนโดยนักจิตรกรชื่อดังอย่างไมเคิล แองเจโล ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucern) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Astoria Lucern Hotel **** หรือเทียบเท่า |
7 เม.ย. 2561 | ลูเซิร์น - ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น - เบิร์น - อินเตอร์ลาเก้น (พักค้าง 2 คืน) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับ สะพานไม้ชาเพล หรือ สะพานวิหาร (Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่น้ำรอยซ์ เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมาก ต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด จากนั้นนำท่านชมรูปแกะสลัก สิงโตร้องไห้ หรือ อนุสาวรีย์รูปสิงโตหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ไกลจากสะพานไม้มากนัก อนุสาวรีย์รูปสิงโตหินแกะสลักอยู่บนหน้าผา ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิสเซอร์แลนด์อยู่ อนุสาวรีย์รูปสิงโตแห่งนี้ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี ตั้งแต่ ค.ศ.1819-1821 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดีที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 นำท่านสัมผัสประสบการณ์ การล่องเรือในทะเลสาบลูเซิร์น (Lucerne boat cruise) อิสระให้ท่านได้เก็บภาพธรรมชาติอันสวยงามของทะเลสาบและขุนเขา |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น (Berne) (ระยะทาง 114 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) กรุงเบิร์น เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองโบราณเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้ว โดยมี แม่น้ำอาเร่ (Aare) ล้อมรอบตัวเมือง เสมือนเป็นป้อมปราการทางธรรมชาติไว้ 3 ด้าน คือ ทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตกชาวเมืองได้สร้างกำแพง และสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ นำท่านเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆในกรุงเบิร์นซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ.2010 นำท่านชม บ่อหมีสีน้ำตาล สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านชม มาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี นำท่านลัดเลาะชม ถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดของเมืองนี้ ถนนกรัมกาสเซ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ชมนาฬิกาไซ้ท์คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง หอนาฬิกานี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1191 - 1256 ใช้เป็นประตูเมืองแห่งแรก แต่พอมีการสร้าง Prison Tower จึงเปลี่ยนไปใช้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน และดัดแปลงไซ้ท์คล็อคเค่นทรัมให้กลายมาเป็นหอนาฬิกา พร้อมติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์เข้าไป นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ Munster สิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 อิสระให้ท่านเดินเล่นและเก็บภาพตามอัธยาศัยหรือจะเลือกช้อปปิ้งซื้อสินค้าแบรนด์เนมและซื้อของที่ระลึก ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองอินเตอร์ลาเก้น (Interlaken) หรือ เมืองระหว่างทะเลสาบ (ระยะทาง 62 กม. ใช้เวลาเดินทาประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Tune lake) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Brienz lake) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมชมโชว์พื้นเมือง (พร้อมชิมเมนูฟองดู) |
ที่พัก | City Oberland Hotel *** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
8 เม.ย. 2561 | อินเตอร์ลาเก้น - ขึ้นเขาจุงเฟรา (มรดกโลก) - อินเตอร์ลาเก้น |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาล (Grindelwald) อันได้ชื่อว่าเป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่สวยที่สุดในโลกตั้งอยู่ในหุบเขารายล้อมด้วยภูเขาที่สวยงามเป็นสถานที่โรแมนติกที่สุด นำท่านสู่ สถานีรถไฟฟ้า เพื่อขึ้นรถไฟสายจุงเฟราบาห์เนน สู่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกอีกของสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างทางก่อนถึงจุงเฟรานั้น ท่านสามารถพบเห็นบ้านสไตล์สวิสน่ารักที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป มีทั้งบ้านสีน้ำตาลเข้มตัดกับหน้าต่างสีแดงสด, สีครีมอ่อนตัดกับประตูหน้าต่างสีเขียวสด สวยงามแปลกตาและมีเสน่ห์ วิวธรรมชาติที่สลับกันระหว่างสีเขียวของภูเขา ทุ่งหญ้า กับ พื้นที่ที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ระหว่างการเดินทางรถไฟจะจอดให้ท่านได้ชมความงดงามของเทือกเขาแอลป์ จนถึงยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) ซึ่งมีความสูงถึง 13,642 ฟุต นำท่านชม กลาเซียร์หรือธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ จากนั้นสนุกสนานกับการ เล่นหิมะในลานกว้าง SPHINX จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ชมถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Alestsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ยาวถึง 22 ก.ม. และหนา 700 เมตร และไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและถ่ายรูปตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น บนยอดเขาจุงเฟรา |
บ่าย | นำท่านเดินทางจากจุงเฟราสู่ เมืองเวนเก้น และ เมืองเลาเท่นบรุนเน่น โดยรถไฟอีกด้านหนึ่งของยอดเขา (แวะเปลี่ยนรถไฟที่สถานีไคลน์ไชเด็ด จุดเปลี่ยนรถไฟ ซึ่งรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาเมื่อปี 2440) นำท่านเดินทางสู่ เมืองอินเตอร์ลาเก้น (Interlaken) หรือ เมืองระหว่างทะเลสาบ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Tune lake) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Brienz lake) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ พร้อมช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อนาฬิกายี่ห้อดังหลากหลายที่ผลิตในสวิส ไม่ว่าจะเป็น ROLEX, OMEGA, TAG HEUER, PATEK PHILIPPE และอื่นๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | City Oberland Hotel *** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
9 เม.ย. 2561 | มองเทรอซ์ - ทาช - เซอร์แมท (พักบนเซอร์แมท) - นั่งกระเช้าสู่ยอดเขาไคลน์แมทเทอร์ ฮอร์น |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) (ระยะทาง 148 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือนริมทะเลสาบ นำท่านถ่ายรูปกับ ปราสาทชิลยอง (Chillon castle) ปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี จึงเป็นอนุสาวรีย์แห่งความเกลียดชังของชาวสวิส นำท่านเดินทางสู่ เมืองทาซ (Tasch) (ระยะทาง 139 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชม.) เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือนริมทะเลสาบ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซอร์แมท (Zermatt) โดยทางรถไฟใช้เวลาประมาณ 12 นาที เซอร์แมท เป็นเมืองที่ตั้งอยู่เชิงเขาแมทเทอร์ฮอร์นยอดเขาแหลมสูงชันสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ ครอบคลุมพื้นที่สกีฤดูหนาวและฤดูร้อนที่กว้างใหญ่ เมืองเซอร์แมทนี้ถือว่าเป็นเมืองที่ปราศจากมลภาวะโดยสิ้นเชิงเพราะเป็นเมืองที่ห้ามนำเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเข้าไปในตัวเมืองเด็ดขาด นำท่านเที่ยวชมความงามของเมืองเซอร์แมทเมืองที่ปราศจากรถยนต์และไร้มลพิษอีกแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองเซอร์แมทตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Hotel Pollux Zermatt **** หรือเทียบเท่า |
10 เม.ย. 2561 | เซอร์แมท - ลูกาโน่ - ฟ็อกซ์ทาวน์เอาท์เลต - โคโม่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่าน นั่งกระเช้า สู่ ยอดเขาไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ภูเขาที่มีชื่อเสียงในเทือกเขาแอลป์ (Alps) ตั้งอยู่ระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ภูเขาที่สูงกว่า 4,478 เมตร รูปทรงพีระมิดตั้งอยู่บนพื้นที่เมืองเซอร์แมท (Zermatt) ในส่วนของสวิตเซอร์แลนด์ และBreuil-Cervinia ใน Val Tournanche ในส่วนเมืองของอิตาลี เป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงามไม่เว้นแต่ละวัน “ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น” นี้มีความสวยงาม มีเสน่ห์ เป็นเครื่องหมายการค้าของลูกอม “ริกัวล่าร์” และ “พาราเมาท์พิคเจอร์” โดยบริษัทภาพยนตร์ พาราเม้าท์ พิคเจอร์ ของฮอลลีวู้ด ได้นำมาเป็นตราสัญลักษณ์ของบริษัทอีกด้วย ท่านสามารถชมวิวสวยของภูเขาที่มีรูปทรงงดงามที่สุดในสวิสด้วยความสูงของยอดแมทเทอร์ฮอร์นที่มีความสูงกว่า 4,478 เมตร จึงสามารถมองเห็นยอดเขาสูงยอดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงได้ชัดเจน อิสระให้ท่านเดินเล่นและถ่ายรูปตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูกาโน (Lugano) (ระยะทาง 195 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองลูกาโน โดยตัวเมืองนั้นถูกล้อมรอบด้วยภูเขาจำนวนมาก อีกทั้งยังตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูกาโน (Lugano Lake) ทะเลสาบน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์–อิตาลี ลูกาโนได้ชื่อว่าเมืองหลวงแห่ง พันธรัฐทิซิโน (Ticino) ที่มีบรรยากาศแบบสวิส–อิตาเลี่ยน จนได้รับการขนานนามว่า “สวิสริเวียร่า” ในฐานะเป็นเมืองตากอากาศของชาวสวิส อิสระให้ท่านเก็บภาพบรรยากาศริมทะเลสาบลูกาโน ทะเลสาบน้ำแข็งอันสวยงามทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นนำท่านชมความงดงามของ ย่านเมืองเก่า (Old Town) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองที่มีลักษณะเป็นจัตุรัสสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนและยังเป็นที่ตั้งของย่านการค้า รวมไปถึงเหล่าอาคารเก่าแก่ของเมือง นำท่านเดินทางสู่ ฟอกซ์ทาวน์ เอาท์เลต (ระยะทาง 20 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที) ตั้งอยู่ใกล้เมืองลูกาโน เป็นช้อปปิ้งเอาท์เลตที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลายเมืองและจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆทั้ง Gucci, Prada, Versace, Valentino, Bally, Dolce & Gabbana, Missoni, Diesel, Esprit, Adidas, Nike etc. โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30 - 70% อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม (Como) (ระยะทาง 16 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองซึ่งได้ชื่อว่ามีทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ทะเลสาบโคโมล้อมรอบด้วยภูเขาสูงที่ยังมีป่าไม้เขียวชะอุ่ม หลายจุดบนชายฝั่งเป็นช่องเขาแคบและหน้าผาที่สวยงาม ทางเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ยาวเหยียดสุดสายตาเป็นกำแพงธรรมชาติที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนบริเวณนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Como Hotel **** หรือเทียบเท่า |
11 เม.ย. 2561 | โคโม - ล่องเรือทะเลสาบโคโม - เวโรน่า - ช้อปปิ้งเอาท์เลต - เวนิส (พักค้าง 2 คืน) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านสัมผัสประสบการณ์ การล่องเรือในทะเลสาบโคโม (Lake Como Cruise) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี นำท่านเดินทางสู่ เมือง เวโรนา (Verona) (ระยะทาง 190 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชม.) ได้รับสมญานามว่า "Little Roman" เพราะยังคงสภาพสิ่งก่อสร้างจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปกับ โรงละครโรมันกลางแจ้งขนาดใหญ่ (Roman Theater) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง จากนั้นนำท่านเที่ยวชม บ้านจูเลียต บนถนน Capello จากบทประพันธ์ โรเมโอและจูเลียต โดย วิลเลียม เชกสเปียร์ แต่งขึ้นในปี ค.ศ. 1595 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปลเป็นภาษาไทยและจัดพิมพ์ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2465 เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวความขัดแย้งของสองตระกูล คือ ตระกูลมอนตาคิว และคาปูเร็ต ในเมืองเวโรนา นำท่านชมบริเวณ สนามหน้าบ้านของจูเลียต ซึ่งจะเห็นระเบียง ที่โรมิโอปีนเข้าหาจูเลียต ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับรูปปั้น บรอนซ์ ของจูเลียต ปั้นโดย N.Costantini ว่ากันว่าใครอยากสมหวังในเรื่องความรักก็ให้จับที่หน้าอกของจูเลียต อิสระให้ท่านบันทึกภาพตามอัธยาศัย หรือจะเลือกช้อปปิ้งสินค้าที่มีจำหน่ายทั้งของที่ระลึกและสินค้าแบรนด์เนมในย่านถนนแมชชินี นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส (ระยะทาง 145 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองที่มีเอกลักษณ์พิเศษสุดเมืองหนึ่งของโลกเปรียบเสมือนประตูสู่ตะวันออกของยุโรปในอดีต |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Novotel Venice Mestre Castellana Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
12 เม.ย. 2561 | เวนิส - เกาะมูราโน่ - เวนิส |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านนั่งเรือสู่ เกาะเวนิส (เมืองที่ไม่มีรถยนต์วิ่งผ่าน) เมืองเวนิสได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ (City of water) เมืองแห่งสะพาน (City of bridges) เมืองแห่งแสงสว่าง (City of light) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองริมฝั่งสู่เกาะเวนิสซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง นำท่านถ่ายรูปกับ จตุรัสเซนต์มาร์โคและพระราชวังดอจจ์ ศูนย์กลางของเกาะเวนิส ผ่านชมและแวะถ่ายรูปบริเวณ สะพานถอนหายใจ (Ponte Dei Sospiri) ที่เชื่อมระหว่างพระราชวังโบราณกับเรือนจำโบราณ ซึ่งมีตำนานเล่าถึงนักรักคาสโนว่าที่เคยถูกคุมขังในคุกแห่งนี้ จากนั้นแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารเซนต์มาร์โค (San Marco Basilica) ซึ่งเป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ อาหรับ โรมันเนสก์ เรเนซองส์ เข้าไว้ด้วยกัน ในมหาวิหารนี้เชื่อว่าเป็นที่บรรจุศพของนักบุญเซนต์มาร์ก อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปโดยรอบบริเวณจตุรัสเซนต์มาร์โค หรือจะ เลือกช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่มีมากมายรายล้อมรอบจตุรัส ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Chanel, Louis Vuitton, Hermes, Tods, Prada และอื่นๆอีกมากมาย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านนั่งเรือสู่ เกาะมูราโน่ (Murano Island) นำท่านเข้าชม กรรมวิธีการเป่าแก้ว (Glass blowing) ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของอิตาลี จากนั้นนำท่านเที่ยวชมความสวยงามของเกาะมูราโน่ อีกหนึ่งเกาะสวยใกล้เวนิส สมควรแก่เวลานำท่านนั่งเรือกลับสู่ เวนิส เมสเตร้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Novotel Venice Mestre Castellana Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
13 เม.ย. 2561 | เวนิส - มิลาน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (Milan) (ระยะทาง 272 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.) เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอนและโรม นอกจากนี้มิลานยังเป็นที่รู้จักจากประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า ปาเนตโตเน (Panettone) อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่า ดูโอโม่ (Duomo) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอับดับสอง รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในกรุงวาติกัน (เป็นมหาวิหารแบบโกธิคและใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป) มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1813 ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า ด้านหน้าของมหาวิหารเป็นลานกว้าง เรียกว่า ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) เป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย ด้านข้างของจตุรัสหน้าดูโอโม่ทางทิศเหนือ จะเห็นทางเข้า กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล หรือจะเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไท |
ที่พัก | Four Points by Sheraton Milan Center **** หรือเทียบเท่า |
14 เม.ย. 2561 | มิลาน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม อิสระให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย |
12.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิลาน เพื่อเชคอินและทำคืนภาษี (Tax Refund) |
14.45 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดย สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน TK1896 |
18.35 น. | เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน |
20.10 น. | ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 64 (ใช้เวลาบินประมาณ 8.30 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า |
15 เม.ย. 2561 | กรุงเทพมหานคร |
09.25 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) (หมายเหตุ โปรแกรมดังกล่าวข้างต้น เป็นการนำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการจัดโปรแกรมของแต่ละวันเดินทางจะไม่เหมือนกัน โปรแกรมท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ครบถ้วน จะส่งให้ท่าน 7 วันก่อนการเดินทางเท่านั้น) |