วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - อีสตันบลู |
20.30 น. | พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว U เคาน์เตอร์ สายการบินเตอร์กิส แอร์ไลน์ (TK) ประตูทางเข้าที่ 9 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ คอยให้การต้อนรับ ตรวจเอกสาร และสัมภาระ |
23.50 น. | เหิรฟ้าสู่ กรุงอีสตันบลู เที่ยวบินที่ TK 069 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.30ช.ม.) |
วันที่ 2 | อีสตันบูล - ชานัคคาเล |
06.20 น. | ถึง สนามบินนานาชาติฮาวาลิมานี่อีสตันบูล ประเทศตุรกีนำท่านผ่านพิธีการตรวจเอกสารคนเข้าเมือง และศุลกากร |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม กรุงอีสตัลบูล (Istanbul) เป็นมหานครของสองทวีป/เอเซียและยุโรป เป็นเมืองที่มีความงดงามในประวัติศาสตร์โลกมานานหลายศตวรรษ นับแต่ยุคสมัยของกรีกและโรมัน ในสมัยของพวกกรีก ก็คือเมืองไบแซนติอุมมีอายุอยู่ในระหว่าง 675 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงปี ค.ศ.330 จึงได้เสียให้แก่อาณาจักรโรมัน และเคยเป็นเมืองหลวงของโรมันทางด้านตะวันออก ในนามของกรุงคอนสแตนติโนเปิล จนกระทั่งถึง ค.ศ.1453 จึงได้ถูกพวกออตโตมาน ทำลายลงและเปลี่ยนชื่อมาเป็น อีสตันบูลและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1985 นำท่านไปเที่ยวชม ฮิปโปโดรม (Hippodome)ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของชาวไบแซนติอุม คือ สถานที่ที่แข่งกีฬารถม้าศึกของชาวโรมัน และของจักรวรรดิออตโตมานกว่า 400 ปี ในปัจจุบันเหลือแค่เสา 3 ต้น คือเสาต้นแรก โอเบลิสก์แห่งฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ซึ่งถูกสร้างมาตั้งแต่ 1500 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาเป็นเสาเซอร์เพนไทน์ซึ่งถูกสร้างขึ้นมา 497 ปีก่อนคริสตกาล และเสาคอนสแตนตินที่ 7 เป็นเสาต้นสุดท้าย สถานที่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.203 ในยุคของไบแซนไทน์ นำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) สุเหร่าแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นวังที่ประทับของจักรพรรดิไบแซนไทน์ ภายในถูกตบแต่งด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน มีเสามินาเรท์เป็นยอดแหลมถึง 6 ต้น ถูกสร้างโดยสุลต่านอาห์เมต ที่ 1 ในปี ค.ศ.1609-1616 นำท่านเข้าชม เซ้นต์ โซเฟีย (St.Sophia)ถือว่าเป็นเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางและเป็นโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวคริสต์ เพื่อแสดงถึงความอัจฉริยะและพลานุภาพอันเกรียงไกรของอาณาจักรโรมันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 360 โดยจักรพรรดิคอนสแตนติน ถูกไฟไหม้และสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.415 ถูกเผาทำลายและสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนและจวบจนวาระสุดท้าย ของกรุงคอนสแตนติโนเปิล ต่อมาได้ถูกสถาปนาเป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกของอิสลาม ชื่อ อายา ซอฟยา นำท่านเข้าชม อ่างเก็บน้ำใต้ดิน หรือ อุโมงค์ส่งน้ำใต้ดิน (YerebatanSarnici) สร้างในปี 532 ประมาณ 1476 ปีมาแล้ว รัชสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพระราชวัง ปัจจุบันได้รับการบูรณะอย่างดี สะอาดเรียบร้อย มีความขลัง มีทางเดินปูนราวไม้กั้นเดินทะลุได้ทั่ว เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง James Bond ตอน Greeting From Moscow เสาต้นที่แปลกตาที่สุดคือ เสาที่สลักเป็นรูปดวงตานกยูง หยดน้ำตาหรือดวงตาปีศาจ ตามแต่ใครจะเห็นเป็นรูปใด เรียกชื่อว่า Forum Tauriและเสาอีก 2 ต้นที่ไม่ควรพลาดชม ได้แก่ เสาที่มีหัวของเมดูซา กลับหัว วางเป็นฐาน และอีกเสาหนึ่งหัวเมดูซาตะแคงขวาอยู่เพราะเป็นเคล็ดไม่ให้เมดูซามองใครแล้วจะกลายเป็นหิน แต่จะให้อยู่เฝ้าอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ตลอดไป
|
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านไปยังย่านการค้าชื่อดัง แกรนด์ บาซาร์ (Grand Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยกลางปีคริสตวรรษที่ 15 มีร้านค้ามากมายถึง 4,000 ร้าน ซึ่งเป็นตลาดค้าพรมและเครื่องเงินทองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกี ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกซื้อสินค้าต่างๆที่ให้ท่านได้ซื้ออย่างมากมาย จากนั้นนำท่านออกเดินทางเรียบชายฝั่งทะเลไปยังบริเวณ แหลมแกลลิโปลี เพื่อที่จะนำท่านข้ามฟากโดยเรือผ่านทางช่องแคบของทะเลมาร์มาร่า และออกเดินทางไปยังเมืองชานัคคาเล ตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาร่าและติดกับทะเลอีเจียน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว เพระว่ามีซากโบราณสถานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมันหลายแห่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | KOLIN HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ชานัคคาเล - ทรอย - เพอร์กามัม - คูซาดาซี |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองทรอยเข้าชม ความสวยงามของม้าไม้โทรจาน ที่เคยเป็นต้นแบบ ซึ่งถูกนำมาใช้ในการทำสงครามเมื่อปี 1,000-700 ก่อนคริสตกาล พร้อมกับชมสิ่งโบราณสถานต่างๆ มากมายที่ถูกสร้างขึ้นในอดีตที่เคยรุ่งเรืองเช่น โรงละคร ปราสาทที่ถูกขุดค้นขึ้นมาในบริเวณใกล้ๆกัน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1998 ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเพอร์กามัม จากนั้นนำท่านขึ้น กระเช้าเคเบิ้ลคาร์ไป ชม โบราณสถานต่างๆที่ยังคงความสวยงามของอะโครโพลิสที่ถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาในสมัยที่พวกกรีกเข้ามาปกครองที่บริเวณนั้นและมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เมืองนี้ยังเป็นเมืองศูนย์กลางของการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น และยังเป็นโรงเรียนสอนเกี่ยวกับจิตวิทยาแห่งแรกของโลก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซีแปลว่า “เกาะนก” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ติดกับชายฝั่งทะเลอีเจียน โดยผ่านเมืองอีซเมียร์ นำท่านช้อปปิ้ง ณ ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูง ซึ่งผลิตเสื้อหนังแบรนด์ดังในอิตาลีและอิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | TUSAN HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | คูซาดาซี - เมืองโบราณเอพฟิซุส - ปามุคคาเล่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านแวะ ชมร้านขนมของฝาก เตอร์กิช ดีไลท์ พร้อมจับจ่ายซื้อของฝากตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.)ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่ง และเคยเป็นที่อยู่ของชาวไอโอเนียนจากกรีก นำท่านเข้าชมเมือง โบราณเอฟฟิซุส City of Ephesus อดีตเป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน ชม อาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของ นครเอฟฟิซุส คือ ห้องสมุดของเซลซุสLibrary of Celsusและอาคารสำคัญอีกแห่งคือ วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียนTemple of Hadrianสร้างขึ้นถวายแด่จักรพรรดิเฮเดรียน ความโดดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ Roman Bath ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องน้ำ ห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ จากนั้นปิด ท้ายกันที่สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน นครเอฟฟิซุส คือ โรงละคร Great Theatre ซึ่งสร้างโดยสกัดเข้าไปในไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง สามารถจุคนได้ถึง 25,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น สร้างสมัยกรีกโบราณ แต่พวกโรมันมาปรับปรุงให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 2015 |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | หลังจากนั้นนำท่านเข้าชม บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary)ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้างหลังนี้ ถูกค้นพบอย่าปาฏิหาริย์ โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich เมื่อปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นห้าบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้น ของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 6 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้าน มีก๊อกน้ำสามก๊อก ที่มีความเชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่(ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่แคลเซียมอ๊อกไซด์ไหลขึ้นมาจากใต้ดินเป็นเวลานับพันปีมาแล้วจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้น |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | COLOSSAE THERMAL HOTELหรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ปามุคคาเล่ - อัลทาเลีย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน เนื่องจากที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยส่วนประกอบของแคลเซียมบ่อน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ หลายชั้น และผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแห่งหินสีขาวราวกับหิมะไหลหลั่นเป็นทางน้ำยาวได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1988 จากนั้นนำท่านชม เมืองโบราณเฮียราโพลสิ (Hierapolis) ในอดีตเป็นสถานที่บำบัดโรค ก่อตั้งโดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 1แห่งแพร์กามุม ในปี 190 ก่อนคริสต์กาลสถานที่แห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งปีค.ศ 1334 จึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีก ศูนย์กลางของเฮียราโพลิสเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในโรงแรมปามุคคาเล สถานที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่พิพิธภัณฑ์ปามุคคาเล โรงอาบน้ำโรมัน โบสถ์สมัยไบแซนไทน นำท่านช้อปปิ้ง ณ ร้านขายของที่ระลึกพื้นเมือง เช่น ผ้าพื้นเมือง พวงกุญแจ กระเป๋า และอื่นๆอีกมากมาย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัลทาเลีย (Antalya)(ระยะเวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean Sea ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เป็นอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปประมาณ 150 ปี ก่อนคริสตกาล สำหรับตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งแคบๆที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและท้องทะเลอันงดงาม จนนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนล้วนให้การยกย่องว่าเป็นริเวียร่าแห่งตุรกี” ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองนั้นก็มีทั้งส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ถือว่ามีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | CROWN PLAZAHOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | อัลทาเลีย - คอนย่า |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านชม ประตูเฮเดรียน (Hadrian’s Gate)ประตูชัยซึ่งสร้างขึ้นตามชื่อของจักรพรรดิโรมันเฮเดรียนRoman Emperor Hadrianในช่วงศตวรรษที่ 2โดยประตูนั้นถูกสร้างขึ้นในรูปแบบทรงโค้ง จำนวน 3 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีอีกด้วย จากนั้นนำท่าน ล่องเรือชมความงามของอ่า วที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เนี่ยน Mediteranian Boat Tripเจ้าของสมญานาม “ริเวียร่าแห่งตุรกี” ให้ท่านได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดโดยการล่องเรือที่ตกแต่งคล้ายกับเรือโจรสลัด เรือจะพาท่านลัดเลาะไปตามหน้าผาต่างๆ ที่มีโรงแรมระดับ 5 ดาว สร้างเรียงรายอยู่ตามหน้าผา และที่พลาดไม่ได้เรือจะพาท่านล่องไปชมน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน นับว่าเป็นความแปลกใหม่ ซึ่งแตกต่างจากน้ำตกทั่วๆไปในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะไหลลงด้านล่างจะเป็นลำธารน้ำ นับว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวอย่างท่านไม่ควรพลาด |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเพอร์เก้ เมืองที่มีความสำคัญของโลกโบราณ ในอดีตเป็นที่อยู่อาศัยของพวกฮิทไต้เมืองประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 2009 นำท่านเข้าชมโรงละครที่ยิ่งใหญ่ แอสเพนโดส สัมผัสอย่างใกล้ชิดซึ่งมีความสวยงามและสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 20,000 คน มีเวทีแสดงด้านหลัง สถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นหลายชั้นที่นี่มีห้องสำหรับนักแสดงเพื่อไว้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (ระยะเวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุคในช่วงปี ค.ศ.1071-1308รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 2000 |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | HILTON GARDEN INN HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | คอนย่า - คัพปาโดเซีย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา หรือ สำนักลมวนเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231 ก่อตั้งโดยเมฟลานา เจลาเลดดิน รูมี ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามโดยมีพื้นฐานอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันเดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสสุานของเมฟลาน่า เจลาลคุดน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่ง สุลตานอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสาน สำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์บิดา และบุตรของเมฟลาน่าด้วย นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัพปาโดเชีย (Cappadocia)(ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง)ระหว่างทางให้ท่านเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามสองข้างทางโดยตลอด |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำจากนั้นนำท่านเข้าชม นครใต้ดิน (Underground City of Kaymakli) ซึ่งถูกทำขึ้นในศตวรรษที่ 4 ได้ถูกขุดลึกลงไปสำหรับใช้เป็นที่หลบซ่อนประมาณ 5,000-7,000 คน ที่ได้หลบหนีจากการรุกรานของศัตรู และพวกที่ต่อต้านไม่ยอมรับนับถือศาสนาอื่น ๆ ให้ท่านชมความเป็นอยู่ที่ใต้ดิน ซึ่งได้ถูกวางรากฐานทางด้านสาธารณูปโภคไว้เป็นอย่างดี ห้องครัว ห้องทำไวน์ ห้องเก็บอาหาร พร้อมทั้งยังมีระบบระบายอากาศและอื่น ๆ อีก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านไปชม การแสดงพื้นเมืองและระบำหน้าท้องประกอบดนตรีของสาวน้อยชาวตุรกี |
ที่พัก | ANATOLIAN HOUSE CAVE HOTELหรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | คัพปาโดเซีย - อีสตันบูล |
05.00 น. | สำหรับท่านที่สนใจจะ ขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัพปาโดเซีย ซึ่งครอบคลุมบริเวณ5 จังหวัด ซึ่งประกอบไปด้วย อัคซาเรย์ เคย์เซอรี ไคร์เชอร์ เนฟเชอร์และนิกเด ที่เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆที่งดงามจะมีเจ้าหน้าที่มารับท่านที่บริเวณล๊อบบี้ของโรงแรม ใช้เวลาเดินทางประมาณไป-กลับ 1 ชม. และอยู่บนบอลลูนประมาณ 45-50 นาที ค่าใช้จ่ายท่านละประมาณUSD 230.- /กรุณาสอบถามหัวหน้าทัวร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เกอเรเม (Goreme Museum)ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วงคริสตศวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ และได้รับการขึ้นทะเบียน ให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1985 นำท่านแวะชม โรงงานเซรามิค และโรงงานทอพรม ให้ท่านเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เมืองไคเซอรี่ |
15.45 น. | ออกเดินทางสู่ อีสตันบลู โดย สายการบินสายการบินเตอร์กิส แอร์ไลน์ (TK) เที่ยวบินที่ TK 2013 |
17.35 น. | เดินทางมาถึง อีสตันบลู.............จากนั้นนำท่านเดินสู่ โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องของโรงแรม |
ที่พัก | HILTON BOSPHORUS HOTELหรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | อีสตันบลู - กรุงเทพฯ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านไปลงเรือชม ช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำกับทะเลมาร์มาร่า มีความยาวประมาณ 32กม. ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กม. ซึ่งถือว่าที่สุดของยุโรปและเอเชียมาพบกันที่นี่ ชมทิวทัศน์ทั้งสองข้างจะสวยงามตระการตาของบอสฟอรัสที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อม ปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่ (Dolmabahce Palace)พระราชวังแห่งนี้สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมอจิท ซึ่งเป็นพระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมาน ซึ่งได้ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวางพระราชวังแห่งนี้เป็นศิลปะผสมผสานกันระหว่างยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และภายนอกยังประกอบไปด้วยสวนไม้ดอกที่ปลูกรายล้อมตัวพระราชวัง ชมภายในพระราชวังประดับด้วยโคมไฟระย้าและที่น่าตื่นตา ก็คือ โคมไฟอันมหึมาหนักถึง 4 ตัน และนาฬิกาทุกเรือนของที่นี่จะชี้บอกเวลา 09.05 น.เป็นนิจนิรันดรเพื่อที่ระลึกถึงการจากไปของท่าน คามาล อตาเติร์ก (Kamal Ataturk) ซึ่งเป็นวีรบุรุษของชาติผู้ที่บดขยี้กองทัพของอังกฤษที่กาลิโปลี ในสมัยสงครามโลกครั่งที่ 1 |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังท็อปกาปิ ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ประทับของสุลต่านแห่งราชวงศ์ออตโตมันหลายองค์ ในปัจจุบันพระราชวังท็อปกาปิ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า อาทิ เพชร 96กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านที่ได้ปกครองในอาณาจักรแห่งนี้ฯลฯ นำท่านไปเลือกซื้อสินค้าที่ ตลาดอียิปต์หรือสไปซ์ มาร์เก็ต เป็นตลาดที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในศตวรรษที่ 17 ซึ่งทอดยาวไปตามสุเหร่าเยนี ที่อยู่ใกล้กับสะพานกาลาต้า เป็นแหล่งขายของส่ง มีทั้งของกิน ของเล่นและเสื้อผ้า และยังมีเครื่องเทศ ผลไม้แห้งถั่วต่างๆ น้ำมันมะกอก ฯ ได้เวลาอันสมควร...........นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน |
20.55 น. | ออกเดินทางจากอีสตันบลู สู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TK 064 (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน) (ใช้เวลาบินประมาณ 10.30 ช.ม.) |
วันที่ 10 | กรุงเทพฯ |
10.05 น. | ถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ / กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |